เทคนิคการสอนแบบ TAI (Team Assisted Individualization)
ความเป็นมาและความสำคัญ
ปัจจุบันเป็นยุคที่เรียกว่ายุคความรู้
ซึ่งเป็นยุคที่ผู้เรียนต้องเกิดทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ
สื่อ และเทคโนโลยี และทักษะชีวิตและอาชีพ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า
การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสรุปทักษะสำคัญอย่างย่อๆ ที่เด็กและเยาวชนควรมีได้ว่า
ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3R และ 4C ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน(Writing)
และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ 4 C
(C ritical Thinking - การคิดวิเคราะห์, Communication- การสื่อสาร Collaboration-การร่วมมือ และ Creativity-ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพ
และทักษะด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี และการบริหารจัดการด้านการศึกษา
แบบใหม่ซึ่งการศึกษาที่ดีสำหรับคนยุคใหม่นั้น
ไม่เหมือนการศึกษาเมื่อสิบหรือยี่สิบปีที่แล้ว
การศึกษาที่มีคุณภาพจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ของศิษย์ไปอย่างสิ้นเชิง
และบทบาทของครูอาจารย์ก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ครูที่รักศิษย์ เอาใจใส่ศิษย์
แต่ยังใช้วิธีสอแบบเดิมๆ จะไม่ใช่ครูที่ทำประโยชน์แก่ศิษย์อย่างแท้จริง กล่าวคือ
ครูที่มีใจแก่ศิษย์ยังไม่พอ ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนจุดสนใจหรือจุดเน้นจากการสอน
ไปเป็นเน้นที่การเรียน (ทั้งของศิษย์ และของตนเอง)
ต้องเรียนรู้และปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ที่ตนจัดให้แก่ศิษย์ด้วย
ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองจาก “ครูสอน”(Teacher) ไปเป็น “ครูฝึก” (coach) หรือ
“ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้” (learning facilitator) และต้องเรียนรู้ทักษะในการทำหน้าที่นี้
โดยรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องที่เรียกว่า PLC
(Professional Learning community) (วิจารณ์ พานิช, 2555: คำนำ)
ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สำคัญต่อพัฒนาการความคิดของผู้เรียนทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการเรียนรู้
มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล มีระเบียบ
สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน
วิชาคณิตศาสตร์ยังสามารถทำให้เกิดทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมไปถึงเกิดทักษะชีวิตและอาชีพ
ในการจัดการเรียนการสอนในยุคสตวรรษที่
21 นี้
ควรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในการจัดการเรียนการสอนซึ่งการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนโดยมีการทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นทีมนั้น
ย่อมส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะการทำงานเป็นทีมมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
คือ การจัดการเรียนการสอนแบบ TAI ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่ม
ซึ่งภายในกลุ่มจะประกอบไปด้วยผู้เรียนที่มีความสามารถเก่ง ปานกลางและอ่อน
หรือเป็นวิธีการสอนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperrative
Learning) และการสอนรายบุคคล (Individualization
Instruction) เข้าด้วยกัน
โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือทำกิจกรรมในการเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตนและส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม
มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
และมีทักษะการทำงานเป็นทีม
รวมไปถึงผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายมากยิ่งขึ้น(สุรพงษ์
ทองเวียง. 2551)
การเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) คือ
วิธีการสอนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperrative Learning) และการสอนรายบุคคล (Individualization Instruction) เข้าด้วยกัน
โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือทำกิจกรรมในการเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตนและส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม
มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
1. จัดนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
ประกอบด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน
2. ทดสอบจัดระดับ (Placement Test)
ตามคะแนนที่ได้
3. นักเรียนศึกษาเอกสารแนะนำบทเรียน ทำกิจกรรมจากสื่อที่ได้รับ
เสร็จแล้วส่งให้เพื่อนในกลุ่มตรวจ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
3.1
ตอบถูกหมดทุกข้อ ให้เรียนต่อ
3.2
ตอบผิดบ้างให้ซักถามเพื่อนในกลุ่มเพื่อช่วยเหลือก่อนที่จะถามครู
4. เมื่อนักเรียนทำแบบฝึกหัดทักษะในสื่อที่ได้เรียนจบแล้ว
4.1
ทดสอบย่อยฉบับ A เป็นรายบุคคล
ส่งให้เพื่อนในกลุ่มตรวจ ถ้าได้คะแนน 75% ขึ้นไป ถือว่าผ่าน
4.2
ถ้าได้คะแนนไม่ถึง 75% ให้ไปเรียนจากสื่อที่ศึกษาไปแล้วอีกครั้ง แล้วทดสอบฉบับ B เป็นรายบุคคล
5.ทดสอบนักเรียนด้วยแบบทดสอบประจำหน่วย (Unit Test) ถ้าไม่ผ่าน 75%
ผู้สอนจะพิจารณาแก้ไขปัญหาอีกครั้ง
6.ครูคิดคะแนนเฉลี่ยของแต่ละกลุ่ม แล้วจัดอันดับดังนี้
6.1
กลุ่มที่ผ่านเกณฑ์สูง ได้เป็น Super Team (ยอดเยี่ยม)
6.2 กลุ่มที่ผ่านเกณฑ์ปานกลาง ได้เป็น Great Team (ดีมาก)
6.3
กลุ่มที่ผ่านเกณฑ์ต่ำ ได้เป็น Good Team (ดี)
ตัวอย่างงานวิจัยเกี่ยวกับ TAI
การพัฒนาผลการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องตรรกศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4 โดยการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI / การศึกษาค้นคว้าอิสระ ของ อุไรรัก พันโกฏิhttp://www.library.msu.ac.th/web/dublin.linkout.php?url=http://khoon.msu.ac.th/full134/urairak131375/titlepage.pdf
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI
/ การศึกษาค้นคว้าอิสระ ของ ยุพดี ไชยปัญญา
http://www.library.msu.ac.th/web/dublin.linkout.php?url=http://khoon.msu.ac.th/full143/yuphadee132340/titlepage.pdf
การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค
TAI เรื่องการบวกและการลบกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4 / การศึกษาค้นคว้าอิสระ ของ ศินีนาฏ จันทร
http://www.library.msu.ac.th/web/dublin.linkout.php?url=http://khoon.msu.ac.th/full149/sineenard133066/titlepage.pdf
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบ TAI
https://docs.google.com/viewer?a=v&pid=sites&srcid=ZGVmYXVsdGRvbWFpbnxrcnVpbm1hdGh8Z3g6M2UwMDUyOTkyNjM0MWE4Ng
ที่มา
https://edu.kpru.ac.th/math//contents/research/20.pdf. [online]เข้าถึงเมื่อ 2 สิงหาคม 2561.
https://docs.google.com/viewer. [online]เข้าถึงเมื่อ 2
สิงหาคม 2561.
https://sites.google.com/site/prapasara/9-2. [online]เข้าถึงเมื่อ 2 สิงหาคม 2561.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น